ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

หลักการแก้ปัญหาและการตัดสินใจ ในการบริหารธุรกิจ & ดร.สมัย เหมมั่น




PROBLEM SOLVING & DECISION MAKING : การแก้ปัญหาและการตัดสินใจ
เรียบเรียง ดร.สมัย  เหมมั่น
1. การแก้ปัญหาและการตัดสินใจเป็นหน้าที่สำคัญของผู้บริหาร ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อมีความแตกต่างระหว่างสิ่งที่คาดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง การแก้ปัญหาเป็นการนำข้อมูลปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตมาแก้ไขในปัจจุบัน และการตัดสินใจจะเกี่ยวข้องในขั้นตอนการเลือกแนวทางเพื่อแก้ปัญหา โดยขั้นตอนการแก้ปัญหาและการตัดสินใจประกอบด้วย
(1) การจำแนกและกำหนดปัญหา
(2) การวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา
(3) การหาทางเลือกในการแก้ปัญหา และ
(4) การเลือกวิธีแก้ปัญหา

2. การแก้ปัญหาที่ถูกต้องเริ่มจากการหาปัญหา และจำแนกปัญหาที่เกิดขึ้นโดยการรวบรวมข้อมูล ซึ่งปัญหาจำแนกได้ 3 ประเภท คือ
(1) ปัญหาประจำวัน
(2) ปัญหาวิกฤต และ
(3) ปัญหาที่เป็นโอกาส
ขั้นตอนสำคัญต่อมา คือ การกำหนดปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนและถูกต้อง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง

3. เมื่อกำหนดปัญหาที่เกิดขึ้นในสถานที่ทำงานได้ถูกต้องแล้ว ขั้นต่อมาคือ การวิเคราะห์หาสาเหตุที่แท้จริง และเป็นสาเหตุหลักของปัญหาดังกล่าว เครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการตรวจหาสาเหตุ คือ ผังก้างปลา ส่วนเครื่องมือที่ช่วยเลือกสาเหตุหลัก คือ แผนภูมิพาเรโต และเครื่องมืออื่นๆ เมื่อได้สาเหตุหลักของปัญหาแล้วจึงนำมากำหนดเป็นวัตถุประสงค์ในการแก้ปัญหาที่ชัดเจนและถูกต้องตามหลักการกำหนดวัตถุประสงค์ที่ดี

4. ในขั้นตอนการหาทางเลือกในการแก้ปัญหา ซึ่งควรหาทางเลือกหลายๆ วิธี และสามารถใช้เทคนิคต่างๆ ช่วยในการหาทางเลือกใหม่ๆ โดยมี 2 แนวทางหลัก คือ การหาทางเลือกด้วยตนเอง โดยการใช้ความคิดสร้างสรรค์ และการหาทางเลือกโดยกลุ่ม ได้แก่ เทคนิคการระดมสมอง กลุ่มนามบัญญัติ และกลุ่มเดลฟาย การใช้เทคนิคเหล่านี้อย่างถูกวิธีจะทำให้ได้ทางเลือกที่หลากหลายและแปลกใหม่

5. ขั้นตอนสุดท้ายของการแก้ปัญหาและการตัดสินใจ คือ การเลือกวิธีแก้ปัญหาที่ดีและเหมาะสมที่สุดจากทางเลือกที่มีอยู่ โดยสามารถใช้เทคนิคการให้คะแนนตามเกณฑ์ หรือเทคนิคอื่นๆ มาช่วยในการเลือกวิธีแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

ความหมายและขั้นตอนการแก้ปัญหาและการตัดสินใจการแก้ปัญหาและการตัดสินใจเป็นหน้าที่สำคัญของผู้บริหาร การตัดสินใจที่ดีและมีคุณภาพของทุกคนในองค์การโดยเฉพาะผู้บริหาร จะมีผลต่อความสำเร็จหรือความล้มเหลวของหน่วยงานได้ ดังนั้น ความสามารถในการแก้ปัญหาและการตัดสินใจจึงเป็นคุณลักษณะที่สำคัญของทั้งพนักงานและผู้บริหารที่องค์การต้องการ ซึ่งทักษะการแก้ปัญหาและการตัดสินใจเป็นทักษะที่สามารถเรียนรู้ ฝึกฝนและพัฒนาได้

1. ความหมายของปัญหา การแก้ปัญหาและการตัดสินใจปัญหา (Problem) หมายถึง ช่องว่างหรือความแตกต่างระหว่างสภาพการณ์ปัจจุบัน กับ สภาพการณ์ที่เราต้องการให้เกิดขึ้น หรือสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
การแก้ปัญหา (Problem Solving) หมายถึง กระบวนการในการทำให้เกิดสภาพการณ์ที่เราคาดหวัง อย่างไรก็ตาม มีคนจำนวนไม่น้อยไม่รู้ว่าสิ่งที่คาดหวังคืออะไร รวมถึงบางครั้งก็ไม่สามารถไปถึงสิ่งที่คาดหวังหรือเป้าหมายได้ เพราะไม่มีแนวทางที่ชัดเจนหรือเหมาะสมในการแก้ปัญหา
การตัดสินใจ (Decision–making) หมายถึง กระบวนการในการตัดสินใจเลือกวิธีปฏิบัติจากทางเลือกที่มีอยู่ 2 ทางเลือกหรือมากกว่า เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นหรือเพื่อให้เกิดผลตามสิ่งที่มุ่งหวัง ซึ่งผลของการตัดสินใจของสมาชิกองค์การทุกคนล้วนมีผลกระทบต่องานที่ทำและต่อองค์การของตน

2. ความสัมพันธ์ระหว่างการแก้ปัญหาและการตัดสินใจ เมื่อมีปัญหาเราต้องทำการตัดสินใจ เพราะปัญหาก่อให้เกิดโอกาสและทางเลือกต่างๆ ซึ่งต้องอาศัยการตัดสินใจว่าจะเลือกดำเนินไปทางไหน จึงจะเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด หรือเสียหายน้อยที่สุด
ดังนั้น ในกระบวนการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบต้องอาศัยกระบวนการวิเคราะห์ปัญหาและการตัดสินใจที่มีคุณภาพ จึงจะทำให้เราสามารถแก้ปัญหานั้นได้หรือสามารถบรรลุตามสิ่งที่มุ่งหวัง

3. ประเภทของปัญหาและการตัดสินใจภาระรับผิดชอบที่หลากหลายของผู้จัดการ ทำให้ผู้จัดการต้องเผชิญกับการตัดสินใจหลายประเภทแตกต่างกันไป โดยสามารถแบ่งประเภทของปัญหาและการตัดสินใจได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

3.1 ปัญหาที่มีโครงสร้างชัดเจนและการตัดสินใจแบบมีโปรแกรม (Well Structured Problem and Programmed Decisions)
ปัญหาประเภทที่มีลักษณะปัญหาตรงไปตรงมาและเป็นปัญหาที่คุ้นเคย เกิดขึ้นบ่อยๆ สามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาได้ง่ายและมีข้อมูลครบถ้วน เรียกว่า ปัญหาที่มีโครงสร้างชัดเจน วัตถุประสงค์ในการตัดสินใจแก้ปัญหาของผู้ที่ทำหน้าที่ตัดสินใจจึงชัดเจน ตัวอย่างของปัญหาประเภทนี้ เช่น ลูกค้าลืมสิ่งของไว้ในห้องพักโรงแรม ซึ่งมักเกิดขึ้นบ่อย โรงแรมแต่ละแห่งจึงมักกำหนดขั้นตอนมาตรฐานในการแก้ปัญหาไว้อย่างชัดเจน ซึ่งมักเป็นวิธีการที่ใช้ได้ผลดี ขั้นตอนแก้ปัญหาที่สามารถกำหนดได้ล่วงหน้าชัดเจนเช่นนี้ จึงเรียกว่า การตัดสินใจแบบมีโปรแกรม ซึ่งช่วยให้ผู้ตัดสินใจไม่ต้องยุ่งยากหรือเสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายในการหาแนวทางตัดสินใจ และบ่อยครั้งที่ผู้บริหารสามารถมอบอำนาจการตัดสินใจให้พนักงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตัดสินใจเพื่อแก้ปัญหาได้เลย โดยผู้บริหารไม่ต้องไปจัดการด้วยตนเอง โดยยึดตามแนวทางที่ช่วยในการตัดสินใจ ได้แก่ ขั้นตอนการทำงาน กฎระเบียบ หรือนโยบาย
ขั้นตอนการทำงาน (Procedure) คือ ขั้นตอนดำเนินการที่เกี่ยวข้องต่อเนื่องกัน ที่ ผู้บริหารสามารถใช้ในการจัดการปัญหาที่มีโครงสร้าง สิ่งที่ยาก คือ การกำหนดปัญหา ถ้าปัญหานั้นมี ความชัดเจน ก็สามารถใช้ขั้นตอนการทำงานแก้ปัญหาได้ ปัจจุบันมักมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยในการตัดสินใจโดยอัตโนมัติ เช่น ระบบการจัดซื้อ การคำนวณค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา เป็นต้น กฎระเบียบ (Rule) คือ ข้อความที่ประกาศอย่างเป็นทางการขององค์การถึงสิ่งที่พนักงานรวมถึงผู้บริหารควรหรือไม่ควรกระทำในกรณีต่างๆ ดังนั้น ถ้าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นกรณีที่ระบุในกฎระเบียบแล้ว ผู้บริหารมักยึดแนวทางของกฎระเบียบในการตัดสินใจเพื่อความคงเส้นคงวาในการปฏิบัติ และความเป็นธรรม เช่น ระเบียบเกี่ยวกับการมาปฏิบัติงาน การมาทำงาน และการขาดงานของพนักงาน เป็นต้น นโยบาย (Policy) คือ ข้อความกว้างๆ ที่ให้แนวทางให้ผู้บริหารคิดในทิศทางที่องค์การต้องการ ซึ่งนโยบายจะชี้แนะถึงตัวแปรหรือปัจจัยที่ควรคำนึงสำหรับผู้ตัดสินใจ แต่การตัดสินใจยังคงขึ้นกับการใช้วิจารณญาณของผู้ตัดสินใจตามสมควร ซึ่งต่างจาก “กฎระเบียบ” ที่กำหนดด้วยข้อความที่เฉพาะเจาะจงถึงสิ่งที่ควรหรือไม่ควรกระทำ ตัวอย่างนโยบาย เช่น “ลูกค้าสำคัญเป็นอันดับแรกและต้องได้รับความพึงพอใจเสมอ” หรือ “อัตราค่าตอบแทนของพนักงานจะต้องสามารถแข่งขันได้ภายในท้องที่เดียวกัน” เป็นต้น

3.2 ปัญหาที่มีโครงสร้างไม่ชัดเจนและการตัดสินใจแบบไม่มีโปรแกรม (Ill–Structured Problem and Non-programmed Decisions)
ในสภาพความเป็นจริงของการทำงาน ผู้บริหารไม่อาจเผชิญแต่ปัญหาที่มีโครงสร้างชัดเจน บ่อยครั้งที่ผู้บริหารต้องพบกับปัญหาที่มีโครงสร้างไม่ชัดเจน กล่าวคือ เป็นปัญหาที่อาจไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหรือไม่ใช่ปัญหาปกติ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัญหานั้นคลุมเครือหรือไม่สมบูรณ์ ตัวอย่างปัญหาประเภทนี้ เช่น ปัญหาการเลือกสถาปนิกเพื่อออกแบบอาคารสำนักงานบริษัทใหม่ ปัญหาว่าควรลงทุนในเทคโนโลยีใหม่หรือไม่ ปัญหาว่าควรยุบเลิกธุรกิจที่ขาดทุนหรือไม่ เป็นต้น เมื่อต้องเผชิญปัญหาที่มีโครงสร้างไม่ชัดเจนเช่นนี้ ผู้บริหารต้องใช้การตัดสินใจแบบไม่มีโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหา โดยเป็นการตัดสินใจเฉพาะเรื่อง ที่ต้องอาศัยเทคนิคต่างๆ เพื่อช่วยให้การตัดสินใจนั้นเหมาะสมในสถานการณ์นั้นที่สุด

4. สภาวะหรือระดับของการตัดสินใจ (Decision–Making Conditions)ระดับของการตัดสินใจที่ผู้บริหารมักเผชิญในการทำการตัดสินใจ ได้แก่ การตัดสินใจภายใต้สภาวะความแน่นอน ความเสี่ยง และความไม่แน่นอน

4.1 การตัดสินใจในสภาวะความแน่นอน (Certainty)
ภายใต้สภาวะที่มีความแน่นอน ผู้บริหารสามารถทำการตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเที่ยงตรง เพราะสามารถทราบผลลัพธ์ของแต่ละทางเลือกที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า ตัวอย่างเช่น การตัดสินใจในการลงทุนระหว่างฝากเงินในธนาคาร ซื้อพันธบัตรรัฐบาล หรือซื้อสลากออมสิน เราจะทราบผลตอบแทนของแต่ละทางเลือกแน่นอน แต่ในความเป็นจริงสภาวะความแน่นอนเช่นนี้ยากที่จะเกิดขึ้น

4.2 การตัดสินใจในสภาวะความเสี่ยง (Risk)
เป็นสถานการณ์ที่มักเกิดขึ้นในชีวิตจริง สภาวะความเสี่ยงหมายถึง ผู้ตัดสินใจไม่ทราบผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นล่วงหน้า แต่สามารถประมาณการโอกาสของผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นของแต่ละทางเลือกในการตัดสินใจ โดยการให้ค่าความน่าจะเป็นของแต่ละผลลัพธ์ โดยใช้ประสบการณ์ในอดีตหรือใช้ข้อมูลที่มีการรวบรวมไว้ ตัวอย่างเช่น การตัดสินใจลงทุน โดยการซื้อหุ้นของบริษัทชั้นนำในตลาดหลักทรัพย์ ที่เราทราบข้อมูลมูลค่าหุ้นและอัตราเงินปันผลในอดีต เราสามารถหาความน่าจะเป็นและคาดการณ์ผลตอบแทนที่จะได้จากแต่ละบริษัทได้ แต่ผลตอบแทนดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะไม่เป็นไปตามที่เราคาดการณ์ได้ ซึ่งต่างจากกรณีแรก

4.3 การตัดสินใจในสภาวะความไม่แน่นอน (Uncertainty) เป็นสถานการณ์ที่ผู้ตัดสินใจไม่แน่ใจในผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นของแต่ละทางเลือก และไม่สามารถหาค่าความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้นของแต่ละทางเลือก เพราะข้อมูลที่มีเกี่ยวกับแต่ละทางเลือกมักมีจำกัด ซึ่งเป็นสภาวะการตัดสินใจที่ผู้บริหารมักต้องเผชิญในชีวิตจริง ตัวอย่างเช่น การตัดสินใจลงทุนซื้อหุ้นในบริษัทใหม่ 2 บริษัทที่เพิ่งเข้าตลาดหลักทรัพย์ กรณีนี้เราไม่มีข้อมูลในอดีตที่จะหาความน่าจะเป็นของผลตอบแทนของทั้งสองบริษัทได้ จึงเป็นการตัดสินใจในสภาวะที่มีความ ไม่แน่นอนในผลตอบแทนสูง

ผู้บริหารส่วนใหญ่มักต้องตัดสินใจภายใต้สภาวะความเสี่ยง สำหรับผู้บริหารระดับสูงมักต้องตัดสินใจภายใต้ความไม่แน่นอนมากกว่าผู้บริหารระดับล่าง ซึ่งเป็นการยากที่จะระบุทรัพยากรที่จะใช้ในการแก้ปัญหาได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้เราไม่สามารถขจัดความเสี่ยงและความไม่แน่นอนในสถานการณ์ต่างๆ ที่ต้องตัดสินใจได้ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงและความไม่แน่นอนนั้นได้

5. ขั้นตอนการแก้ปัญหาและการตัดสินใจ (Problem Solving and Decision Making Process)เพื่อลดความเสี่ยงและความไม่แน่นอนของสภาวะการตัดสินใจ และช่วยให้เราสามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น การแก้ปัญหาและตัดสินใจตามขั้นตอนที่ถูกต้องเหมาะสม จะช่วยให้สามารถค้นหาทางออกที่ถูกต้องและเพิ่มโอกาสในการบรรลุสิ่งที่คาดหวัง โดยการดำเนินการตามขั้นตอนการแก้ปัญหาและการตัดสินใจ ดังนี้

1) การจำแนกและกำหนดปัญหา (Classify and Define a Problem) ได้แก่ การวิเคราะห์ รวบรวมข้อมูล และทำความเข้าใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกำหนดปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้องและชัดเจน รวมถึงระบุสภาพการณ์หรือเป้าหมายที่เราต้องการให้เกิดขึ้นหลังจากขจัดปัญหานั้นแล้ว
2) การวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา (Analysis of Causes of Problem ) ได้แก่ การใช้เทคนิคและวิธีการต่างๆ เช่น แผนภูมิก้างปลา แผนภูมิพาเรโต เพื่อช่วยวิเคราะห์สาเหตุที่เป็นไปได้ของปัญหา และช่วยในการเลือกเฉพาะสาเหตุที่สำคัญเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมและหาแนวทางแก้ไขต่อไป
3) การหาทางเลือกในการแก้ปัญหา (Develop Alternatives) ได้แก่ การระบุทางเลือกในการแก้ปัญหา ด้วยการใช้วิธีการต่างๆ เช่น การใช้ความคิดสร้างสรรค์ การระดมสมอง และวิธีอื่นๆ เพื่อหาวิธีแก้ปัญหาให้มากที่สุด และกลั่นกรองให้เหลือเฉพาะวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิผลจำนวนหนึ่ง
4) การเลือกวิธีแก้ปัญหา (Select an Alternative) ได้แก่ การกำหนดเกณฑ์หรือเงื่อนไขในการประเมินแต่ละทางเลือกในการแก้ปัญหา การวิเคราะห์เปรียบเทียบแต่ละทางเลือกและตัดสินใจเลือกทางเลือกในการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดหรือที่เหมาะสมที่สุด
5) การวางแผนการปฏิบัติและการนำไปปฏิบัติ (Plan and Implement the Decision) ได้แก่ การกำหนดแผนการนำวิธีการที่เลือกไปปฏิบัติและนำทางเลือกที่ตัดสินใจเลือกไปปฏิบัติอย่างเหมาะสม และมีการสื่อสารให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ
6) การประเมินผล (Evaluate the Decision) ได้แก่ การประเมินติดตามผลหลังจากนำทางเลือกไปปฏิบัติเป็นระยะๆ ว่าปัญหาได้รับการแก้ไขแล้วหรือไม่ มีอุปสรรคใดหรือไม่ และดำเนินมาตรการแก้ไขถ้าผลการดำเนินการไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

อนึ่ง การใช้กระบวนการแก้ปัญหาและการตัดสินใจดังกล่าว อาจไม่จำเป็นต้องดำเนินการเรียงลำดับทุกขั้นตอน โดยอาจข้ามบางขั้นตอนที่ชัดเจนแล้ว เช่น การกำหนดปัญหา หรือ อาจมีการกลับไปเปลี่ยนบางขั้นตอนก่อนหน้าเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปหรือมีข้อมูลเพิ่มขึ้น เช่น เพิ่มทางเลือกที่เป็นไปได้ กลับไปกำหนดปัญหาใหม่ให้ชัดเจนขึ้น เป็นต้น

สรุป ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อมีความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ต้องการกับสิ่งที่คาดหวัง การตัดสินใจเป็นการเลือกวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดเพื่อนำสู่สิ่งที่มุ่งหวัง ปัญหามีทั้งประเภทที่มีโครงสร้างชัดเจนและไม่ชัดเจน ถ้าโครงสร้างชัดเจนจะทำให้การตัดสินใจง่าย สามารถกำหนดแนวทางแก้ปัญหาเป็นขั้นตอนการปฏิบัติงาน กฎระเบียบ หรือนโยบายได้ แต่ถ้าปัญหามีโครงสร้างไม่ชัดเจนซึ่งมักเกิดขึ้นในชีวิตจริง ทำให้การตัดสินใจยากขึ้นเพราะมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูง จำเป็นต้องมีการตัดสินใจอย่างเป็นระบบโดยสามารถดำเนินการตามระบบการแก้ปัญหาและการตัดสินใจ 6 ขั้นตอน ได้แก่ การจำแนกและกำหนดปัญหา การหาสาเหตุของปัญหา การหาทางเลือกในการแก้ปัญหา การเลือกทางเลือกที่ดีที่สุด การวางแผนปฏิบัติตามทางเลือก และ การติดตามผล

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

CPM กับ PERT ต่างกันอย่างไร

คำถามที่ 1 เอกสาร power point หน้า 13 มีกี่เส้นทาง ที่เป็นไปได้ และเส้นทางใดเป็น critical path พร้อมบอกระยะเวลาที่วิกฤติ               จากภาพ มีทั้งหมด 3 เส้นทางที่เป็นไปได้คือ               A - D - I = ใช้ระยะเวลา 0+3+8+6 = 17              B - E - G - J = ใช้ระยะเวลา 0+5+5+4+4 = 18               C - F - H - J  =  ใช้ระยะเวลา 0+7+5+5+4= 21              ดังนั้น   เส้นทางที่เป็น critical path คือ   C - F - H - J  ระยะเวลาที่วิกฤติคือ 21   คำถามที่ 2 ท่านคิดว่า CPM กับ PERT ต่างกันอย่างไร หน้า 19 กับ 26 การบริหารงานโครงการด้วยการ วางแผนควบคุม โดยใช้เทคนิค PERT : Program Evaluation and Review Technique และ CPM : Critical Path Method เป็นการวิเคราะห์ข่ายงานที่มักนำมาใช้ในการบริหารงานโครงการ มีจุดเริ่มต้นของโครงการจนถึงปิดโครงการที่แน่นอน มีส่วนงานย่อยต่าง ๆ ที่มีการกระจายโดยมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ข้อแตกต่างชัดเจนระหว่าง PERT และ CPM คือ เวลาในการทำกิจกรรม โดยที่เวลาในการทำกิจกรรมของ PERT จะเป็นเวลาโดยประมาณซึ่งคำนวณได้ด้วยการใช้ความน่าจะเป็น PERT จึงใช้กับโครงการ

สอนงานการทำงวด งานการก่อสร้าง การจัดงวดงานเบื้องต้น มูลค่างานที่จ่ายควรใกล้เคียงกัน ส่งเสริมให้องค์กรแข็งแรง

รายงานย่อยฉบับที่ 1 ปัญหาจากการจัดงวดงานที่ควรทราบ กระทู้คำถาม ออกแบบและสร้างบ้าน คุ้มครองผู้บริโภค สวัสดีครับ พี่ๆน้องๆชาวพันทิพย์ จากกระทู้ที่ผมเคยตั้งไว้   รายงานการก่อสร้างบ้านพัก 2 ชั้น ฉบับที่ 1   http://pantip.com/topic/30590647 รายงานการก่อสร้างบ้านพัก 2 ชั้น ฉบับที่ 2   http://pantip.com/topic/30609981 ถ้าท่านใดขอรับบันทึกการประชุมทางหลังไมค์ของผมไปจะพบว่าช่วงท้ายได้มีการพูดถึงการจัดงวดงานใหม่ ผมจึงอยากนำกรณีนี้มานำมาประกอบความเข้าใจ ผมขออนุญาตติด tag 2 ห้องนะครับ 1. ห้องชายคา - เกี่ยวกับขั้นตอนการสร้างบ้าน 2. คุ้มครองผู้บริโภค - เกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน์ให้เจ้าของบ้านซึ่งอาจถูกเอาเปรียบได้ ถ้าท่านไหนมีคำแนะนำเพิ่มเติม แนะนำได้เลยนะครับ เพราะผมเองอาจจะมีข้อผิดพลาด ถือว่าแลกเปลี่ยนมุมมองกันครับ 7   6   chekub       17 มิถุนายน 2556 เวลา 21:56 น. สมาชิกหมายเลข 1439329  ถูกใจ,   You raise me up  ถูกใจ,   Paradise Slice and double shot  ถูกใจ,   สาวบางกอก  ถูกใจ,   แมวมองนอนหวด  ถูกใจ,   สมาชิกหมายเลข 746318  ทึ่ง 18 ความคิดเห็น ความคิ

กลยุทธ์ใหม่ ModernTrade เพิ่มยอดขาย ขยายรูปแบบ แย่งลูกค้าคู่แข่ง

      โดย...ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย                หลังจากควบรวมกิจการกับคาร์ฟูร์                บิ๊กซี ก็ผงาดขึ้นเป็นเบอร์ 2                จ่อไล่หลังเทสโก้โลตัสมาติดๆ                 และก็มีความเคลื่อนไหว ใน "รูปแบบ" ของตัวห้างออกมาอย่างต่อเนื่อง                มาลองทบทวนดูความเคลื่อนไหวดูอีกสักครั้ง               เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 Casino Guichard-Perrachon หรือ กลุ่มคาสิโน ได้ชนะการประมูลกิจการคาร์ฟูร์ในประเทศไทย ด้วยราคาซื้อขาย 686 ล้านยูโร โดยมีธนาคารดอยซ์แบงก์ เป็นที่ปรึกษา ทั้งนี้ บริษัทดังกล่าวถือหุ้น บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ในประเทศไทย และ 2 บริษัทรวมตัวกัน และจะส่งผลให้สาขาของบิ๊กซีเพิ่มเป็น 105 สาขา จาก 60 สาขาในขณะนั้น คิดเป็นมูลค่า 35,500 ล้านบาท               การควบรวมกันเสร็จสิ้นในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน บิ๊กซีได้ทำการรีโนเวตห้างคาร์ฟูร์ทุกสาขาให้กลายเป็น "บิ๊กซี" ทั้งหมด               โดยรูปแบบจะแตกต่างกันไป มีตั้งแต่ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์, บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า, บิ๊กซี มาร์เก็ต (เดิม