ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กิจการผู้สูงอายุ CHB - จีน หนุนธุรกิจผู้สูงอายุ หลังตัวเลขมากกว่า 220 ล้านคน



จีน หนุนธุรกิจผู้สูงอายุ หลังตัวเลขมากกว่า 220 ล้านคน


“จีน” กำหนดแผนพัฒนาตั้งเป้ากระตุ้นการบริโภคภายใน และเปิดตลาดผู้สูงอายุ (Elderly Care Market)
รัฐบาลจีนวางแผนเศรษฐกิจเน้นทำให้เกิดการลงทุนโดยภาคเอกชนมากขึ้น โดยหน่วยงานด้านวางแผนเศรษฐกิจ ตั้งเป้าหมายกระตุ้นภาคบริการ (Tertiary Sector) การพัฒนาสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Good) ) และการเพิ่มอุปทานในตลาด
นาย Zhao Lidong คณะกรรมการเพื่อการปฏิรูปและพัฒนาแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน (NDRC) กล่าวว่า จีนจำเป็นต้องเร่งอัตราการบริโภคภายในประเทศให้สูงขึ้น ทำให้ต้องพัฒนาสิ่งแวดล้อมการดำเนินธุรกิจในการเร่งการลงทุน ซึ่งผนวกกับการพัฒนาสินค้าและบริการ โดยตอบสนองกลุ่มผู้บริโภคในเมือง จากความต้องการที่สูงขึ้นในกลุ่มสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ
รัฐบาลกลางของจีนมีการประกาศแนวทางการกระตุ้นการบริโภคภาคบริการให้สูงขึ้น เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเร่งกระบวนการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยธุรกิจที่เป็นหัวใจหลักในการพัฒนา ประกอบด้วย ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ธุรกิจวัฒนธรรม ธุรกิจการกีฬา ธุรกิจสุขภาพ และธุรกิจการศึกษา รวมทั้งยังมีการกระตุ้นให้เกิดการบริโภคสินค้าไอที อาทิ สมาร์ทโฟน Gadget และเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนจำเป็นต้องกระตุ้นผู้ประกอบการให้แสดงจุดเด่นด้านคุณภาพสินค้า เพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ จากประชาชนที่นิยมสินค้านำเข้าให้กลับมาใช้สินค้าจีน โดยการดำเนินนโยบายดังกล่าวส่งผลให้มูลค่าการบริโภคมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 71 ของ GDP ในปี 2016 คิดเป็นการเติบโตร้อยละ 13.3
ด้านนาย Hao Fuqing คณะกรรมการเพื่อการปฏิรูปและพัฒนาแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน (NDRC) กล่าวเสริมว่า จีนกำลังดำเนินการเปิดตลาดธุรกิจด้านผู้สูงอายุ (Elderly Care Market) และสถิติระบุเพิ่มเติมว่า ในปัจจุบันประชากรผู้สูงอายุวัย 60 ปีขึ้นไป มีมากกว่า 220 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16.1 ของจำนวนประชากร และจะมีการขยายตัวมากขึ้นอีกด้วย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

CPM กับ PERT ต่างกันอย่างไร

คำถามที่ 1 เอกสาร power point หน้า 13 มีกี่เส้นทาง ที่เป็นไปได้ และเส้นทางใดเป็น critical path พร้อมบอกระยะเวลาที่วิกฤติ               จากภาพ มีทั้งหมด 3 เส้นทางที่เป็นไปได้คือ               A - D - I = ใช้ระยะเวลา 0+3+8+6 = 17              B - E - G - J = ใช้ระยะเวลา 0+5+5+4+4 = 18               C - F - H - J  =  ใช้ระยะเวลา 0+7+5+5+4= 21              ดังนั้น   เส้นทางที่เป็น critical path คือ   C - F - H - J  ระยะเวลาที่วิกฤติคือ 21   คำถามที่ 2 ท่านคิดว่า CPM กับ PERT ต่างกันอย่างไร หน้า 19 กับ 26 การบริหารงานโครงการด้วยการ วางแผนควบคุม โดยใช้เทคนิค PERT : Program Evaluation and Review Technique และ CPM : Critical Path Method เป็นการวิเคราะห์ข่ายงานที่มักนำมาใช้ในการบริหารงานโครงการ มีจุดเริ่มต้นของโครงการจนถึงปิดโครงการที่แน่นอน มีส่วนงานย่อยต่าง ๆ ที่มีการกระจายโดยมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ข้อแตกต่างชัดเจนระหว่าง PERT และ CPM คือ เวลาในการทำกิจกรรม โดยที่เวลาในการทำกิจกรรมของ PERT จะเป็นเวลาโดยประมาณซึ่งคำนวณได้ด้วยการใช้ความน่าจะเป็น PERT จึงใช้กับโครงการ

สอนงานการทำงวด งานการก่อสร้าง การจัดงวดงานเบื้องต้น มูลค่างานที่จ่ายควรใกล้เคียงกัน ส่งเสริมให้องค์กรแข็งแรง

รายงานย่อยฉบับที่ 1 ปัญหาจากการจัดงวดงานที่ควรทราบ กระทู้คำถาม ออกแบบและสร้างบ้าน คุ้มครองผู้บริโภค สวัสดีครับ พี่ๆน้องๆชาวพันทิพย์ จากกระทู้ที่ผมเคยตั้งไว้   รายงานการก่อสร้างบ้านพัก 2 ชั้น ฉบับที่ 1   http://pantip.com/topic/30590647 รายงานการก่อสร้างบ้านพัก 2 ชั้น ฉบับที่ 2   http://pantip.com/topic/30609981 ถ้าท่านใดขอรับบันทึกการประชุมทางหลังไมค์ของผมไปจะพบว่าช่วงท้ายได้มีการพูดถึงการจัดงวดงานใหม่ ผมจึงอยากนำกรณีนี้มานำมาประกอบความเข้าใจ ผมขออนุญาตติด tag 2 ห้องนะครับ 1. ห้องชายคา - เกี่ยวกับขั้นตอนการสร้างบ้าน 2. คุ้มครองผู้บริโภค - เกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน์ให้เจ้าของบ้านซึ่งอาจถูกเอาเปรียบได้ ถ้าท่านไหนมีคำแนะนำเพิ่มเติม แนะนำได้เลยนะครับ เพราะผมเองอาจจะมีข้อผิดพลาด ถือว่าแลกเปลี่ยนมุมมองกันครับ 7   6   chekub       17 มิถุนายน 2556 เวลา 21:56 น. สมาชิกหมายเลข 1439329  ถูกใจ,   You raise me up  ถูกใจ,   Paradise Slice and double shot  ถูกใจ,   สาวบางกอก  ถูกใจ,   แมวมองนอนหวด  ถูกใจ,   สมาชิกหมายเลข 746318  ทึ่ง 18 ความคิดเห็น ความคิ

กลยุทธ์ใหม่ ModernTrade เพิ่มยอดขาย ขยายรูปแบบ แย่งลูกค้าคู่แข่ง

      โดย...ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย                หลังจากควบรวมกิจการกับคาร์ฟูร์                บิ๊กซี ก็ผงาดขึ้นเป็นเบอร์ 2                จ่อไล่หลังเทสโก้โลตัสมาติดๆ                 และก็มีความเคลื่อนไหว ใน "รูปแบบ" ของตัวห้างออกมาอย่างต่อเนื่อง                มาลองทบทวนดูความเคลื่อนไหวดูอีกสักครั้ง               เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 Casino Guichard-Perrachon หรือ กลุ่มคาสิโน ได้ชนะการประมูลกิจการคาร์ฟูร์ในประเทศไทย ด้วยราคาซื้อขาย 686 ล้านยูโร โดยมีธนาคารดอยซ์แบงก์ เป็นที่ปรึกษา ทั้งนี้ บริษัทดังกล่าวถือหุ้น บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ในประเทศไทย และ 2 บริษัทรวมตัวกัน และจะส่งผลให้สาขาของบิ๊กซีเพิ่มเป็น 105 สาขา จาก 60 สาขาในขณะนั้น คิดเป็นมูลค่า 35,500 ล้านบาท               การควบรวมกันเสร็จสิ้นในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน บิ๊กซีได้ทำการรีโนเวตห้างคาร์ฟูร์ทุกสาขาให้กลายเป็น "บิ๊กซี" ทั้งหมด               โดยรูปแบบจะแตกต่างกันไป มีตั้งแต่ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์, บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า, บิ๊กซี มาร์เก็ต (เดิม