5 วิธีง่ายๆ ในการทำการตลาดแบบ LBS
ผู้ประกอบการหลายคนคงเคยได้ยินหรือเคยเล่น Social Media ที่ชื่อ Foursquare
กันแล้ว ซึ่ง Social Media แบบ LBS กำลังมีบทบาทไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง Facebook หรือ
Twitter ซึ่งความแตกต่างของเจ้า Foursquare นั้นคือการเอา Social Media
มารวมเข้ากับระบบระบุตำแหน่งอย่าง GPS ผู้ใช้งานสามารถ check in ตามสถานที่ต่างๆ
และแชร์กับเพื่อนในเครือข่ายได้ แต่สิ่งที่พิเศษไปกว่านั้นก็คือ
หากเจ้าของสถานที่เหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือร้านขายของ
มีการทำการตลาดกับกระแส LBS ก็จะจัดโปรโมชั่นต่างๆ ออกมาให้สิทธิพิเศษกับคนที่
check in บ่อยๆ ซึ่งแอพพลิเคชั่นดังกล่าวได้กลายเป็นการปลุกกระแสการตลาดแบบ LBS
ในโลกไซเบอร์ขึ้นมา
มาถึงจุดนี้ผู้ประกอบการคงจะสงสัยไปตามๆ กันว่า “เอ๊ะ ...แล้วอะไรคือ LBS?”
ถ้าหากผู้ประกอบการผู้วิสัยทัศน์กว้างไกลสนใจจะทำตลาดในรูปแบบนี้แล้วล่ะก็ วิธีง่ายๆ 5 วิธีนี้จะช่วยให้กิจการเข้าสู่วงโคจรของการบริการแบบ LBS ได้อย่างง่ายดาย
จำนวนผู้ใช้ Smart Phone นับวันจะยิ่งเพิ่มขึ้นจนอาจเข้ามาแทนที่โทรศัพท์มือถือระบบ 2G ที่ใช้กันในปัจจุบันก็ได้ การตลาดแบบ LBS จึงมีแนวโน้มจะขยายตัวขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการควรเตรียมพร้อมไว้แต่เนิ่น เพราะยังไงเสียการออกตัวเร็วย่อมพากิจการลอยลำเหนือคู่แข่งอย่างแน่นอน
มาถึงจุดนี้ผู้ประกอบการคงจะสงสัยไปตามๆ กันว่า “เอ๊ะ ...แล้วอะไรคือ LBS?”
ผู้ประกอบการสามารถเสนอสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าประจำผ่านการลงชื่อเข้าใช้ได้
LBS หรือชื่อเต็มว่า Location-Based Service
เป็นบริการรูปแบบใหม่ช่วยให้เราสามารถแชร์ข้อมูลพื้นที่ที่เราอยู่กับผู้ใช้งานทั่วโลก
ไม่ว่าจะเป็นในโลกความบันเทิงหรือโลกธุรกิจโดยผ่านการระบุตำแหน่ง
อันที่จริงการระบุตำแหน่งไม่ใช่เรื่องใหม่เสียทีเดียว
เพราะผู้ประกอบการก็คงเคยได้ลองใช้แอพพลิเคชั่นดังๆ อย่าง Google Map หรือ Ovi Map
ใน Smart Phone กันมาแล้ว และ LBS ก็จับเอาความสามารถพิเศษดังกล่าวของ Smart Phone
มาใช้ให้เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะกับภาคธุรกิจ
เพราะผู้ประกอบการสามารถเสนอสิทธิพิเศษผ่านทางการลงชื่อเข้าใช้ของลูกค้าประจำ
(Checkins) นั่นเองถ้าหากผู้ประกอบการผู้วิสัยทัศน์กว้างไกลสนใจจะทำตลาดในรูปแบบนี้แล้วล่ะก็ วิธีง่ายๆ 5 วิธีนี้จะช่วยให้กิจการเข้าสู่วงโคจรของการบริการแบบ LBS ได้อย่างง่ายดาย
1.ให้ลูกค้ายืนยันการเข้าใช้เพื่อรับสิทธิพิเศษ
มีแอพพลิเคชั่นมากมายที่ผู้ประกอบการสามารถให้ลูกค้าลงชื่อเข้าใช้เพื่อรับสิทธิพิเศษผ่านทางโทรศัพท์มือถือ แต่เมื่อได้ยินคำว่าโทรศัพท์มือถือ ผู้ประกอบการหลายคนอาจนึกท้วงว่า “อ้าว ...ถ้าลงชื่อผ่านโทรศัพท์มือถือ ลูกค้าก็สามารถลงชื่อเข้าใช้จากที่อื่นที่ไม่ใช่ร้านของเราก็ได้น่ะสิ แล้วอย่างนี้จะตรวจสอบได้ยังไงกัน” จริงๆ แล้วปัญหาดังกล่าวจะหมดไปทันที หากเราปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระเอกอย่าง QR Code ที่ได้เคยพูดถึงไปแ้ล้ว ผู้ประกอบการแค่เอา QR Code ของกิจการแปะไว้ตรงไหนสักในร้านค้า ให้ลูกค้าแสกนผ่านโทรศัพท์มือถือเพื่อยืนยันการเข้าใช้ เพียงเท่านี้เราตรวจสอบได้แล้วว่าเขาได้เข้ามาใช้บริการร้านค้าจริงหรือไม่2.การใช้บาร์โค้ด
สินค้าแต่ละชิ้นล้วนมีบาร์โค้ดอยู่แล้ว หากทำให้สามารถใช้บริการแบบ LBS ได้ก็จะยิ่งกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า เพราะมีแอพพลิเคชั่นหลายตัวใน Smart Phone ยกตัวอย่าง Bakado ใน IPhone ที่สามารถสแกนบาร์โค้ดสินค้าเกือบทุกได้ เพื่อเปรียบเทียบราคาและอ่านรีวิวจากผู้ใช้คนอื่นๆ นอกจากนี้ผู้ประกอบการยังสามารถออกตราสินค้าผ่านทาง Bakudo เพื่อให้ลูกค้าสแกนแล้วรับส่วนลดได้อีกด้วย3.การจัดราคาพิเศษสำหรับหมู่คณะ
วิธีนี้เป็นวิธีที่ธุรกิจในละแวกเดียวกันรวมตัวเพื่อเสนอส่วนลดพิเศษให้ลูกค้าที่มาใช้บริการร้านค้าในกลุ่มเพื่อขยายการซื้อซ้ำให้ร้านอื่นๆ ผู้ประกอบการที่สนใจวิธีนี้จะดำเนินการผ่านทางเว็บไซต์มากมาย ยกตัวอย่าง เว็บไซต์ Groupon ซึ่งเป็นเว็บไซต์แบบจัดโปรโมชั่นรายวัน โดยจะให้ธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจในท้องที่เสนอส่วนลดพิเศษซึ่งเมื่อลูกค้ามาใช้บริการในร้านค้าใดร้านค้าหนึ่งแล้วก็จะได้ส่วนลดไปใช้ในร้านอื่นต่อไป4.การจัดแข่งขันเพื่อรับส่วนลด
นี่คือส่วนที่สัมพันธ์กับ Foursquare ซึ่งกล่าวถึงในข้างต้น ทั้ง Foursquare และคู่แข่งอย่าง Gowalla ต่างตอบสนองความต้องการของธุรกิจขนาดเล็กด้วยการให้ธุรกิจตั้งกติกาต่างๆ ขึ้นเองได้เพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาร่วมแข่งขัน เช่น ระยะเวลา จำนวนสิทธิพิเศษ และแต้มที่ลูกค้าต้องทำเพื่อปลดล็อกสิทธิพิเศษ และลูกค้าที่เข้าร่วมยังสามารถตรวจสอบคะแนนของตนจากแอพพลิเคชั่นได้อีกด้วย นอกเหนือจากแอพพลิเคชั่นสองตัวที่กล่าวไปแล้ว ยังมีเกม SCVNGR ใน IPhone และ Android ที่สามารถสแกน QR Code โพสต์รูปภาพสถานที่หรือส่งสัญลักษณ์อื่นๆ ซึ่งทางร้านค้าระบุเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันได้อีกด้วย5.การทำข้อเสนอให้ลูกค้าเลือก
ถือเป็นวิธีในอุดมคติ ซึ่งเว็บไซต์ Bizzy คือเจ้าของความคิดดังกล่าว สืบเนื่องจากเล็งเห็นความยุ่งยากของแคมเปญการตลาดส่วนใหญ่ที่มักส่งอีเมลนำเสนอสิทธิพิเศษให้เฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่ตนสนใจเท่านั้น โดยที่ไม่รู้ว่ากลุ่มดังกล่าวสนใจจริงๆ หรือไม่ ที่สำคัญนอกจากกลุ่มดังกล่าวยังอาจมีลูกค้าอื่นสนใจแต่กลับไม่ได้รับข่าวสาร ทำให้ผู้ประกอบการอาจพลาดโอกาสทองไป Bizzy จึงสร้างขึ้นมาเพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดดังกล่าว โดยให้สมาชิกทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างสามารถเลือกรับเฉพาะข่าวสารที่ตนอยากได้ตามใจชอบด้วยการตั้งสถานะผ่านทาง Bizzy List แม้ตอนนี้ขอบข่ายของ Bizzy จะยังถูกจำกัดอยู่เพียงแค่ Dallas, New York และ San Francisco แต่เชื่อว่าอีกไม่นานแอพพลิเคชั่นดังกล่าวคงแพร่หลายมากขึ้นจำนวนผู้ใช้ Smart Phone นับวันจะยิ่งเพิ่มขึ้นจนอาจเข้ามาแทนที่โทรศัพท์มือถือระบบ 2G ที่ใช้กันในปัจจุบันก็ได้ การตลาดแบบ LBS จึงมีแนวโน้มจะขยายตัวขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการควรเตรียมพร้อมไว้แต่เนิ่น เพราะยังไงเสียการออกตัวเร็วย่อมพากิจการลอยลำเหนือคู่แข่งอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น